วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

เทรนด์ Gadget แห่งปี 2016

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์ Gadget ที่มาแรงและเด่นชัดมาตลอดคือ Smartphone, Tablet รวมถึงพวก Smart Watch ซึ่งถึงตอนนี้แก็ดเจ็ตเหล่านี้ได้กลายเป็นมาตรฐานของชีวิตคนเมืองยุคปัจจุบันไปแล้ว กลายเป็นสิ่งที่ไม่ว้าวในสายตาเราๆ กันอีกแล้ว (แต่ก็ยังขาดไม่ได้อยู่ดี) เรามาลองดูกันดีกว่าว่าในปี 2016 ที่กำลังจะถึงนี้ Gadget กลุ่มไหนที่จะมาแรงและได้รับความนิยมบ้าง



กล้อง 360 องศา



   กล้อง 360 องศานี้เป็นเทรนด์ที่มาต่อเนื่องจากกล้อง Action Cam อย่าง GoPro หรือ Xiaomi Yicam ที่ฮิตสุดๆ ในปี 2015 จนทำให้มีผู้เล่นในตลาดนี้เยอะขึ้น กระทั่ง GoPro ต้องลดราคา และรีบออกผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่เพื่อฉีกตลาดออกไป

จุดเด่นของกล้อง 360 องศาคือสามารถถ่ายได้ทุกทิศทางรอบกล้องด้วยการกดแค่ครั้งเดียว รวมถึงสามารถถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศาได้ด้วย ทำให้ผู้ชมมีโอกาสหมุนภาพวิดีโอขณะชมไปในทิศทางที่ต้องการ ไม่ต้องจัดเฟรม ไม่ต้องเล็งมุมภาพอีกต่อไป (แต่ยังต้องคิดนิดหนึ่งว่าจะวางกล้องในจุดไหน) ซึ่งปัจจุบันทั้ง youtube และเฟซบุ๊กก็รองรับการอัปโหลดวิดีโอแบบ 360 องศาเรียบร้อยแล้ว ทำให้ถ่ายแล้วแชร์สะดวกกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งเป็นแรงพลักดันสำคัญที่ทำให้กล้อง 360 องศาบูมขึ้นมาในอนาคต

Milky Way from an Norikura Observatory in Mt. Marishiten-dake, Japan - Spherical Image - RICOH THETA

   ตอนนี้ตัวเลือกกล้อง 360 องศาในไทยยังมีไม่มากนัก ตัวที่หาซื้อได้ง่ายที่สุดคือ Ricoh Theta ที่มีจุดเด่นคือขนาดเล็ก พกพาง่าย ติดตัวได้ทุกวัน ใช้ง่าย โดยรุ่นล่าสุดคือ Theta S ได้ปรับปรุงให้ถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอสวยขึ้นด้วย ราคาปัจจุบันก็อยู่ที่ 14,990 บาท ส่วนกล้องรุ่นอื่นๆ ที่มีขายในต่างประเทศก็เช่น Bublcam, Geonaute, Panono, 360fly, Kodak SP360 ซึ่งในปี 2016 นี้ก็น่าจะมีหลายรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในไทยและหาซื้อได้ง่ายขึ้น

งาน Drone ต้องมา



      เราเห็นโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับติดกล้องบินกันมาพักหนึ่งแล้วนะครับ โดยเฉพาะจากรายการโทรทัศน์ที่หลังๆ เราก็เห็นภาพมุมสูงมากขึ้นเพราะเริ่มมีการนำโดรนมาใช้งานเยอะขึ้นครับ ซึ่งปี 2016 นี้โดรนจะยิ่งบูม กลายเป็นเทรนด์ยิ่งกว่าเดิมเพราะ

ปรับปรุงให้ใช้ง่ายขึ้น บังคับง่ายขึ้น ผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องฝึกอบรมเหมือนเมื่อก่อน
โดรนคุณภาพดี ราคาลดลงจนอยู่ในระดับมือสมัครเล่นก็ซื้อมาใช้งานได้ อย่างในช่วงปลายปี 2015 ที่ dji ออก Phantom 3 รุ่นใหม่ออกมา ตัวล่างสุดที่ให้ภาพ 2.7k บินได้นาน 25 นาที ควบคุมตำแหน่งการบินด้วย GPS ได้ สั่งการได้ไกล 1 กิโลเมตร ก็มีราคาขายไม่ถึง 30,000 บาท ถูกกว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อป หรือกล้อง DSLR บางรุ่นเสียอีก ยิ่งปี 2016 ก็มีแนวโน้มที่จะถูกลงในขณะที่คุณภาพดีขึ้นได้อีก
เริ่มมีโดรนในรูปแบบใหม่ๆ ออกมา เช่น Lily โดรนที่สามารถบินตามผู้ใช้ได้เองโดยอาศัยสัญญาณวิทยุ หรือ Fotokite Phi ที่เอาแนวคิดการเล่นว่าวมาใช้ เอาเชือกลากโดรนได้เลย


เครื่องพิมพ์ภาพถ่ายพกพา




    ตั้งแต่สมาร์ทโฟนบูมขึ้นมา คนเราก็ถ่ายรูปกันเยอะมากขึ้นนะครับ ถ่ายเสร็จแล้วก็แชร์ขึ้นเฟซบุ๊ก หรือเก็บเป็นดิจิทัลไฟล์กันไป แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่อยากได้เครื่องพิมพ์ภาพเล็กๆ เอาไว้ทำรูปให้จับต้องได้

ปีที่ผ่านมาเราเห็นเครื่องพิมพ์ภาพพกพาใน 3 เทคโนโลยีหลักๆ คือ ZINK, Fuji Instax และ Dye–sublimation (เรียงคุณภาพภาพจากน้อยไปมากตามลำดับนี้เลย) ซึ่งเทคโนโลยีที่เราจะได้เห็นมากขึ้นคือ ZINK เพราะสามารถผลิตเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กได้ ทำให้มีคนนำเทคโนโลยีนี้ไปทำเคสโทรศัพท์ที่พิมพ์ภาพได้อย่าง Prynt, กล้องที่พิมพ์ภาพได้เลยอย่าง Socialmatic หรือเครื่องพิมพ์จิ๋วอย่าง LG Pocket Photo ซึ่งในปี 2016 ก็น่าจะมีผลิตภัณฑ์ออกมาหลากหลายกว่านี้

แต่เนื่องจาก ZINK เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ให้คุณภาพด้อยที่สุด ปีหน้าเมื่อ Fuji ออกเครื่องพิมพ์ในระบบ Instax รุ่นใหม่ หรือ Canon สามารถย่อขนาดเครื่องพิมพ์ Dye–sub ในตระกูล Selphy ให้พกพาได้จริงๆ ตลาดนี้ก็จะมีตัวเลือกที่น่าใช้มากขึ้นในราคาที่ถูกลง ทำให้ Gadget ตระกูลนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นไปด้วย


Internet Of Things จับต้องได้จริงๆ เสียที





   เรื่องราวของ Internet Of Things หรือ IoT นั้นเราพูดกันมานานเป็นสิบๆ ปี แต่สำหรับในประเทศไทยเราเพิ่งเห็นการใช้งานจริงตามบ้านจริงๆ เมื่อปี 2015 นี่เอง

ขอบข่ายของ IoT นั้นกว้างมาก ถ้าจะพูดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตามบ้านให้เข้าใจง่ายๆ ก็เช่นลูกบิดประตูที่สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนและเชื่อมอินเทอร์เน็ตได้, เครื่องตรวจควันไฟที่แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน, หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นที่รายงานผลผ่านแอป LINE, สวิทซ์ไฟที่สามารถสั่งปิด/เปิดผ่านอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
   ซึ่งที่ผ่านมาอุปกรณ์ในบ้านที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เหล่านี้มีราคาสูงมาก และการติดตั้งก็ยุ่งยาก ต้องอาศัยคนที่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเครือข่ายมาทำให้ และจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้อุปกรณ์ IoT นี้มีราคาลดลง ติดตั้งง่ายขึ้น หลากหลายขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเอาอุปกรณ์หลายๆ ตัวมาเชื่อมเป็นระบบเดียวกัน มีตัวสั่งงานอัตโนมัติให้กลายเป็นบ้านอัจฉริยะก็ทำได้ (เช่นเมื่อได้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่าอากาศวันนี้จะร้อน ก็เปิดแอร์อัตโนมัติก่อนเจ้าของจะถึงบ้าน 10 นาที)

แล้วเตรียมพบกับเครื่องใช้ภายในบ้านที่เชื่อมอินเทอร์เน็ตได้แต่มีราคาถูกในปี 2016 ได้เลย


VR โลกเสมือนจริง


   เทรนด์ Gadget สุดท้ายที่จะพูดถึงนี้ยังห่างจากผู้ใชัทั่วไปมากที่สุดใน 5 รายการที่เราพูดถึงครั้งนี้ แต่จะเห็นได้มากขึ้นในปีหน้านั้นคือแว่น VR (Virtual Reality) ที่จะพาเราเข้าไปสู่โลกเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ที่สามารถสร้างจอภาพความละเอียดสูงไว้ภายในแว่นได้ พร้อมเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวต่างๆ ทำให้ภาพในแว่นเคลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของศีรษะได้อย่างเป็นธรรมชาติ




หัวหอกหลักของเรื่องนี้คือ Oculus Rift ที่พัฒนากันมายาวนานหลายปี หลายคนคงเคยได้ทดลองเล่นรุ่นสำหรับนักพัฒนาตามงานต่างๆ (งาน Thailand Game Show ก็มีให้ลองเล่นด้วยนะ) ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็มีซอฟต์แวร์และเกมที่สนับสนุน Oculus มากที่สุดเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ VR ตัวอื่นๆ แล้ว โดย Oculus Rift รุ่นจริงสำหรับคนทั่วไปจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2016 ราคาถึงจะยังไม่ได้บอก แต่ก็เดาได้เลยว่าแพงแน่ๆ


    ส่วนคู่แข่งอื่นๆ ที่เปิดตัวกันมาแล้วก็เช่น HTC Vive ที่วางแผนขายจริงเดือนเมษายน 2016, Sony Playstation VR ที่จะขายในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 เช่นกัน หรือ Microsoft HoloLens ที่ยังไม่มีกำหนดวางตลาด แต่อุปกรณ์ VR ที่น่าจะหาได้ง่ายในไทยและมีราคาไม่แพงมาก (ซื้อหากันเป็นของขวัญก็ยังไหว) ก็คือ Samsung Gear VR หรือ Google Cardboard สำหรับใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน ที่ให้ประสบการณ์ VR เบื้องต้นได้เหมือนกัน แต่ยังไม่มีซอฟต์แวร์เจ๋งๆ หรือเกมเต็มรูปแบบเท่ากับอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์เท่านั้นเอง

ภายใน 5 ปี เทคโนโลยี VR น่าจะปรับปรุงจนใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อาจจะปรับปรุงจนถึงขั้นที่ทำงานไร้สายได้ (ตอนนี้ยังต้องมาสายสัญญาณจำนวนมากอยู่ เพราะเทคโนโลยีไร้สายยังไม่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ทัน) และมีราคาต่ำลงจนสามารถซื้อหามาใช้กันได้ง่าย

ใครที่รัก Gadget อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะแต่ละชิ้นก็ต้องใช้เงินไม่น้อยนะครับ โดยเฉพาะแว่น VR ที่ราคาน่าจะเหยียบครึ่งแสนได้ไม่ยาก ใครที่ยังไม่ได้วางแผนการเงิน ก็ต้องรีบเริ่มต้นตอนนี้ครับ จะสิ้นปีแล้ว อย่างน้อยๆ ก็กับ LTF/RMF กสิกรไทย เพื่อลดภาษีประจำปี หรือจะซื้อผ่านแอพ K-Mobile Banking PLUS ก็ได้ โหลดฟรีทั้งใน iOS และ Android ครับ จะได้มีเงินเหลือซื้อ Gadget ที่อยากได้กันได้ยังไงล่ะครับ #สุดยอดGeekต้องเตรียมพร้อม #การลงทุนก็เช่นกัน


อ้างอิง  http://www.beartai.com/article/tech-article/74168